ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

B2S: ทางเล็กๆ ริมคลองตาหนัง

ต า ม ค ำ เ รี ย ก ร้ อ ง . . . บังบอกกลับทางเล็กนะป๋า ขอนะได้ไหม | เอางั้นเหรอ ได้สิจัดไป

กระเตงลูกปั่น นั่งรถไฟ กลับเมืองหลวง

2 สิงหาคม 2017

ใครๆ ก็อยากจะขับรถไปส่ง เพราะกลัวเราสองคนจะเปียกฝน หลังจากที่ฝนกระหน่ำมาสองวันติดกัน ป๋าก็ยืนยันอย่างเดียวว่าขอปั่นไปเอง ออกเช้าหน่อยเผื่อเวลาไว้เยอะๆ ฝนตกหนักก็แวะจอดหลบได้ เพราะไม่รีบเร่งเท่าไหร่ รถไฟออกบ่ายโมงครึ่งโน้น

08:00 น. เราออกจากบ้าน ปั่นเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ ผ่านเส้นทางที่ฟาอิซเคยวิ่งเล่นก็จะยกมือส่งสัญญาณร่ำลา ท้องฟ้ายังคงแจ่มใสยังไม่มีเมฆฝน ที่แรกที่เราแวะคือร้านสะดวกซื้อปั๊มปตท. ก่อนจะออกพ้นตัวเมืองปัตตานี ได้ขนมขบเคี้ยวไว้กินระหว่างทางสองคน ปั่นไปเล่นกันไปคุยกันบนยานพ่อ ทักทายวัว และนก ส่งเสียงร้องเรียกแกะกับแพะระหว่างทาง


ถึงตลาดนัดบ่อทองเราก็แวะร้านสะดวกซื้ออีก ป๋ารู้สึกคอแห้งอยากได้เกลือแร่ ฟาอิซคว้าขนมอีกหนึ่งถุง เดินกินอยู่หน้าร้านทุกสายตามองมาที่เราสองคน มีน้าผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหาและบอกกับป๋าว่าเคยเห็นป๋าปั่นพาลูกนั่งจักรยานในเมืองและระหว่างทางหลายปีแล้ว ป๋าก็ตอบว่าอาจจะเป็นป๋าก็ได้แต่คนนั่งวันนี้เป็นน้อง เพราะเมื่อหลายปีก่อนป๋าพาบังซาฟิรมาเที่ยวปัตตานี ไปไหนมาไหนพวกเราก็ไปจักรยานกันตลอด น้าผู้หญิงคนนี้ถามต่อว่าแล้วนี่กำลังจะไปไหนกัน ป๋าบอกว่าไปกรุงเทพกำลังปั่นไปขึ้นรถไฟที่โคกโพธิ์ แล้วน้าก็ยื่นเงินให้ฟาอิซ ๑๐๐ บาท บอกว่าให้ฟาอิซเอาไว้ซื้อขนมระหว่างทาง  พี่ผู้หญิงในร้านสะดวกซื้อที่ว่างจากการขายให้ลูกค้าก็วิ่งออกมาคุยด้วย แล้วก็กลับเข้าไปในร้าน กลับออกมาอีกครั้งพร้อมยื่นเงินให้ฟาอิซอีก ๑๐๐ บาท พวกเราสองคนรีบขอบคุณน้ำใจของทั้งสองคน พร้อมกับขอตัวออกปั่นกันต่อเพราะกลัวฝนจะมา


ถึงสถานีรถไฟราวๆ 09:50 น. ก่อนเวลาพอสมควรมีเวลาเดินเล่นและหาข้าวมื้อเที่ยงกินกันสบาย เราเดินเล่นกันที่สถานีรถไฟก่อนจะออกไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านไอศครีมที่ตักท๊อปปิ้งได้ไม่อั้นเราเคยแวะมากินตอนปั่นไปเที่ยวสถานีรถไฟเทพากัน


มื้อเที่ยงบะหมี่น้ำทุกอย่างคนละชาม ตบท้ายด้วยไอศครีมสำหรับฟาอิซ ของป๋ากาแฟดำเข้มๆ ไม่ใส่น้ำตาล มีเวลาเหลืออีกเยอะแต่ที่ร้านแคบไปสำหรับฟาอิซ ฟาอิซเหมาะกับลานกว้างที่สามารถวิ่งเล่นได้ เราจึงย้อนกลับมาใช้พื้นที่ของสถานีรถไฟเหมือนเดิม


จัดการตีตั๋วรถจักรยานเรียบร้อย ระบุให้เจ้าพนักงานยกขึ้นลงทั้งต้นทางและปลายทาง ค่าธรรมเนียมนำจักรยานขึ้นตู้สัมภาระ ๑๐๖ บาท ค่ายกขึ้นลง ๒๐ บาท (พิเศษ)

พื้นที่ส่วนใหญ่ที่เราใช้จะต้องคอยระมัดระวังในช่วงที่มีขบวนรถวิ่งเข้ามาเทียบชานชาลา จะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกผ่านเครื่องขยายเสียง เราก็จะหยุดและทักทายผู้คนที่กำลังเดินทางมากับชบวน ส่งยิ้มบ้างโบกมือให้กันบ้าง


ฟาอิซวิ่งเล่นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อาจจะเป็นเพราะตื่นเต้นที่จะได้เห็นขบวนรถไฟวิ่งเข้ามาเทียบชานชาลาตามประสาเด็ก




สัมภาระที่จะต้องนำติดตัวขึ้นตู้โดยสารคือกระเป๋าเดินทางที่ติดกับจักรยานทุกใบ


ใกล้เวลาขบวนรถที่เราต้องเดินทางไปด้วย ผู้โดยสารที่จะต้องเดินทางขบวนเดียวกับเราก็ทยอยกันมารอตรงจุดที่ตู้ตัวเองนั่งจอด ฟาอิซได้เพื่อนเล่นวัยสามขวบครึ่งที่จะต้องขึ้นตู้เดียวกัน เด็กๆ มักใช้เวลาไม่นานในการทำความรู้จักและสนิทสนม แถมอยู่ไม่นิ่งเหมือนกัน การเดินทางครั้งนี้คงจะสนุกแน่นอน

ขบวนรถมาจอดเทียบตามจุด ทุกคนหาที่นั่งตามหมายเลข และวางสัมภาระขึ้นชั้นวางเรียบร้อย แต่เด็กสองคนไม่ยอมห่างกันชักจะเริ่มสนุกกันตั้งแต่ก้นยังไม่วางบนที่นั่งเลย แถมทั้งคู่ยังไม่มีใครนอนกลางวันเลย


ทั้งคู่สนุกสนานด้วยการเดินไปมาตั้งแต่หัวตู้ยันท้ายตู้ สุดท้ายต้องเบรคด้วยการจับแยกและบังคับให้นอนกลางวันกันก่อน ไม่งั้นทุกคนจะอดเล่นด้วยกัน สบายหูกันไปได้สักสองชั่วโมงก็ยังดี


กลับมารวมตัวกันอีกครั้งหลังจากตื่นนอน แล้วให้แยกย้ายกันตอนที่ทุกคนจัดเตียงเพื่อจะพักผ่อนกัน






เช้าความวุ่นวายของเด็กสองคนก็ยังคงมีให้เห็นบ้าง ขบวนรถเสียเวลาครึ่งชั่วโมงระหว่างทาง ทำให้การเข้าเทียบชานชาลาที่หัวลำโพงช้าเพิ่มขึ้นอีกสองชั่วโมง การบริหารเวลาของการรถไฟก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม จากกำหนดก่อนสิบโมง กลายเป็นเที่ยงถึง ผิดแผนที่เรากำหนดไว้หมดเลย ผู้โดยสารคนอื่นๆ เริ่มไม่สบอารมณ์กับการล่าช้าในครั้งนี้ว่าเกิดจากเหตุอะไร และกำหนดการณ์ถึงจริงๆ เวลาเท่าไหร่ กันแน่ บ้างญาติๆ มารอรับ บ้างต้องต่อรถอีกขบวนเพื่อเดินทางต่อไปยังอีกจังหวัด ส่วนป๋๋ากระวนกระวายใจเรื่องเวลาไปรับบังซาฟิร






เที่ยงยี่สิบห้าขบวนรถเคลื่อนตัวเข้าจอดในชานชาลาได้ เราสองคนประสบปัญหาเจ้าหน้าที่ไม่ยอมยกรถลงมาให้ทั้งๆ ที่เราจ่ายค่ายกมาตั้งแต่ต้นทาง ป๋าเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ที่อ้างว่าเขาคือหัวหน้ากลุ่มงานสัมภาระจนยอมให้เจ้าหน้าที่บนขบวนยกลงมาให้


แผนทุกอย่างที่วางต้องเปลี่ยน ปั่นออกจากสถานีไปหามื้อเช้าบวกมื้อเที่ยงก่อน แล้วค่อยไปโรงเรียนเพื่อรับบัง แล้วกลับมาหาอาม๊าที่บ้าน ออกมาได้ไม่ไกลจากสถานีเท่าไหร่ฟาอิซก็หลับป๋าเลยจำเป็นต้องงดมื้อเที่ยง 


ปั่นมาถึงโรงพยาบาลกรุงเทพฝนเทกระหน่ำลงมาต้องแวะจอดหลบฝน พอฝนหยุดก็ออกปั่นมุ่งหน้าไปรับบังซาฟิรที่โรงเรียน และต้องโทรไปยกเลิกนัดกับอาม๊า เพราะเราสองคนตัวเหนียวและเหม็นกัน กลับเข้าบ้านอาบน้ำกันดีกว่า


มื้อค่ำเราสามคน (แต่เป็นมื้อแรกของป๋าของป๋า) ได้ข้าวเหนียวไก่ทอดจากร้านแถวโรงเรียนบังซาฟิร (เจ้าของร้านสนับสนุนพวกเราเสมอมาไม่ยอมรับสตางค์จากป๋า)



จบทริปครั้งนี้แบบเหนื่อยหล้า จากการไม่ตุนสะเบียงสำหรับเหตุฉุกเฉิน และข้อผิดพลาดของป๋าที่หวังน้ำบ่อหน้า

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้