B2S: ทางเล็กๆ ริมคลองตาหนัง

ต า ม ค ำ เ รี ย ก ร้ อ ง . . . บังบอกกลับทางเล็กนะป๋า ขอนะได้ไหม | เอางั้นเหรอ ได้สิจัดไป

เยือนเมืองในหมอก (1)

หลายเดือนมาแล้วที่เราไม่มีทริปปั่น ป๋าได้รับคำชวนจากบังวี (Vee Bike Yala) ก็ไม่ได้ตอบรับทันทีแต่ขอเป็นตัวแถม เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับสุขภาพของฟาอิซ ที่ผ่านมาก็พลาดทริปบาโหย (อุทยานแห่งชาติสันกาลาคีรี) ในช่วงวันเด็ก เพราะฟาอิซเกิดไม่สบายกระทันหัน ทั้งที่จัดหาอุปกรณ์ไว้เรียบร้อยพร้อมที่จะออกเดินทาง

เช้าวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2019 เราตื่นนอนเวลา 5:30 น. 

"ฟาอิซพร้อมไหม" 

"พร้อมครับป๋า" 

ชุดเดินทางของเราคือชุดนอน น้ำค่อยไปอาบกลางทางเอา แปรงฟันอย่างเดียวก็พอก่อนออกจากบ้าน

ขณะที่ปั่นเลยตัวอำเภอยะรังมาได้ไม่ไกลนัก ฟาอิซหันมาบอกว่า 

"ป๋า..น้องปวดปู๋" 

โชคดีที่อีกไม่กี่ร้อยเมตรเราก็เจอปั๊มน้ำมัน ไม่งั้นคงต้องแวะข้างทางกน ป๋าเลยได้แวะพักขาไปในตัว

เติมน้ำมันสักหน่อยดีไหม 555

ออกจากปั๊มน้ำมันก็ป๋าก็เริ่มมองหาร้านขายอาหารกันเพราะได้เวลามื้อเช้า แวะริมทางหาซื้ออะไรง่ายๆ ที่กินบนจักรยานได้ ได้ซาลาเปาลูกใหญ่มาสี่ลูกแบ่งกันกิน ชาวบ้านที่พบเห็นพากันถามว่าจะไปไหนกัน ส่วนใหญ่จะถามด้วยภาษาไทยเพราะได้ยินเราคุยกันแต่ภาษาไทย ป๋าต้องคอยตอบเป็นภาษายาวีแทน

ชาวบ้านคอยแวะเวียนพูดคุยด้วย

เราสองคนมาถึงจุดนัดรวมตัวที่ร้าน Vee Bike 09:10 น. เลยเวลานัดไป 10 นาที ทุกคนยังไม่ได้เริ่มออกเดินทางกัน เป็นความโชคดีของเราสองคนที่ไม่ต้องปั่นไล่ตาม

ทุกคนยังสาละวนอยู่กับการจัดของ

ฟาอิซได้เสื้อ ortlieb ด้วยนะ

ภาพหมู่ก่อนเริ่มปั่น (ไม่มีเรา)

เกือบสิบโมงถึงจะได้เริ่มออกปั่นกัน ด้วยสาเหตุอะไรนั้นไม่จำเป็นต้องสงสัยและถาม 

จุดแรกแวะพักขาที่ปั๊มน้ำมันเพื่อความสะดวกในการเข้าห้องน้ำ ที่นี่ลุงวิท (Wittaya Lokuttara) ซื้อช็อคโกแลตให้ฟาอิซ ฟาอิซเขินที่จะรับวิ่งไปแอบหลังเสาไฟ หลายคนพากันขำ แล้วฟาอิซก็หนีเดินหายเข้าไปในร้านกาแฟอเมซอน ออกมาพร้อมพี่หมา (ขี่คอออกมา) หัวเราะร่าที่ได้เพื่อนเล่นระหว่างพัก

กว่าจะนิ่ง ยอมให้คนอื่นถ่ายรูป

แอบข้างเสา ไม่ยอมเอาช็อกโกแลตจากลุงวิท

พี่หมาจับขี่คอออกมา

ยืนขวางไม่ให้รถมาจอด

ออกจากจุดพักนี้เราจะแวะกินมื้อเที่ยงที่ สะพานเหล็กยีลาปันตามแผนที่วางกันเอาไว้ ระหว่างทางก็มีแวะดื่มน้ำและกินขนมตามร้านค้าชาวบ้านที่ตั้งอยู่ริมถนน พอออกจากร้านค้าฟาอิซก็หลับ

เส้นทางมีขึ้นมีลง มีโค้งไปโค้งมา

ดีนะที่เขาแบ่งเป็นสองวัน ไม่อย่างนั้นเราต้องปั่นอีก 100 กว่ากิโลเมตร

มันก็ต้องมีภาพแบบนี้บ้างล่ะ มันเป็นเรื่องปกติของเราสองคน จะจอดพักก็ต่อเมื่อหมดแรงที่จะปั่น ฟาอิซมักจะไม่ยอมให้จอดนิ่งๆ เวลานอน


เราสองคนมาถึงตัวสะพานเหล็กยีลาปันเกือบจะคนสุดท้ายหรือสุดท้ายก็ไม่แน่ใจ ได้ข้าวหมกไก่ทอดมาคนละกล่องพร้อมขนมคัพเค้ก 6 ชิ้น ฟาอิซกินข้าวไปครึ่งกล่อง ส่วนป๋าก็นั่งกินไปจนหมดกล่อง คัพเค้กกับข้าวที่กินเหลือป๋าเก็บเอาไว้เป็นเสบียงระหว่างทาง เพราะออกจากนี้เรายังต้องปั่นไปลงแพที่เขื่อนบางลางต่อ


สะพานเหล็กยีลาปันเป็นสะพานสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างโดยกองทัพญี่ปุ่น มีความกว้าง 6 เมตร ยาวประมาณ 50 เมตร พื้นสะพานเป็นเหล็กแบบรังผึ้ง ตัวโครงสร้างทั้งหมดเป็นเหล็กกล้าล้วนๆ

อิ่มท้องแล้ว เข็นรถไปเก็บรูปกันก่อน

ขอไปแจมกับพี่อิ่มด้วย

กลุ่มสุดท้ายที่จอดเก็บภาพ

ค่อยๆ เคลื่อนตัวแยกออกจากกลุ่ม

พอได้ภาพเป็นที่พอใจ ก็ออกปั่นกันต่อ

สะพานเหล็กรังผึ้งดูแข็งแรงมาก


ก่อนออกจากสะพานเราก็เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก ค่อยๆ เข็นจักรยานผ่านตัวสะพานเก่าเพื่อดูทัศนียภาพที่เป็นแลนด์มาร์คของผู้เดินทางผ่าน ก่อนที่จะออกปั่นต่อไปยังเขื่อนบางลางเพื่อไปลงแพ คืนนี้เราจะนอนพักบนแพกัน


เราปั่นมาทันกลุ่มที่รอเราตรงทางแยกไปเขื่อน กล้องหน้าเราจับภาพได้

ป๋ามีอาการบาดเจ็บ ต้องจอดยาน หยิบน้ำมาราดขา โดยมีบังกูดีจอดมอเตอร์ไซค์รอ

รูปนี้ได้จากพี่ py haha

รูปนี้เป็นตอนที่กำลังจะเข้าสู่เขื่อนบางลาง ได้มาจากในไลน์กลุ่ม จำไม่ได้ว่าใครเป็นคนถ่าย

ป้ายบอกว่าเรามาถึงเขื่อนบางลางแล้ว

คนที่มาถึงก่อนเรากำลังเก็บภาพเขื่อนจากด้านล่าง

ภาพหมู่ก่อนขึ้นเขื่อนบางลาง

ภาพหมู่ก่อนขึ้นเขื่อนบางลาง

ระหว่างทางปั่นใกล้จะถึงบางลาง (ระยะทางที่ปั่นผ่านมา ราวๆ 103 กิโลเมตร) ป๋าเกิดอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อช่วงหัวเข่าด้านนอก เหมือนคล้ายๆ จะเป็นตะคริว ต้องจอดใช้น้ำราดเพื่อผ่อนคลาย แบกูดีคอยดูแลถ้าไม่ไหวบอกให้เอาน้องขึ้นรถ แล้วแกจะปั่นจักรยานให้ ป๋าปฎิเสธเพราะยังทนได้ขอปั่นไปต่อ 

ก่อนขึ้นบนสันเขื่อนเพื่อลงไปยังแพ ป๋าจำเป็นต้องสละยานให้ฟาอิซนั่งรถไปกับป้าเมย์ ถอดเก้าอี้ฟาอิซออก และเอาจักรยานให้แบกูดีปั่นขึ้นสันเขื่อน 

ส่วนป๋าขี่มอเตอร์ไซค์แบกูดีแทน บางคนเข็น บางคนที่ยังพอมีแรงก็ปั่นขึ้นไป บางคนพักเพื่อรวบรวมเรี่ยวแรง เพื่อจะขึ้นสามพับหักศอกแบบชัน แค่พับแรกก็เล่นเอาทุกคนเมื่อยล้าได้พอสมควร

น้องยอมนั่งรถไปกับป้าเมย์

แบกูดี คว้ารถป๋าปั่นขึ้นไป

เส้นทางที่ปั่นขึ้นในช่วงแรก บางคนก็เข็นตั้งแต่พับแรกเลย

โค้งพับหักศอกที่สอง จะมีความชันน้อยลงหน่อย

บางช่วงแบกูดีก็ต้องเข็น เพราะแกไม่ได้ปั่นจักรยานนานแล้ว

ช่วงที่แบกูดีปั่นมาถึง ดูแกมีความสุขมากๆ

พี่ Py haha นั่งรอเก็บภาพคนที่เหลือ

บังโซ๊ะ พญาอินทรี ทั้งปั่นและเข็นขึ้น ตอนสุดท้ายหมดแรงที่จะเข็น มีบังหยกและพี่อิ่มต้องลงไปช่วย

ขึ้นถึงก่อนก็หลบใต้ร่มไม้เพื่อรอแพพร้อมและรวมพลก่อนลงไปยังท่าเรือ

คนมีแรงเหลือก็ปั่นขึ้นไปดูวิวด้านบนจุดชมวิว

ป๋ากำลังจะถ่ายวิว พี่ py haha โผล่มาพอดี เลยได้ภาพที่สมบูรณ์

จักรยานเราตอนถอดเก้าอี้น้องออก

สี่โมงครึ่งถึงเวลาลงแพกัน ฟาอิซอยู่ในแพกับป้าเมย์ตั้งนานแล้ว ทุกคนต่างทยอยลงแพกันพร้อมจักรยาน จัดการจอดจักรยานตามจุดที่ว่างไม่เกะกะกับการเดินเล่นและนอน ห้าโมงแพก็ขับเคลื่อนพาพวกเราไปเล่นน้ำในจุดที่ปลอดภัย

ฟาอิซอยูในแพกับป้าเมย์ กำลังถ่ายรูปกลุ่มที่กำลังลงแพก่อน

คนอื่นๆ รวมป๋าด้วยพากันทยอยลงแพกันทีละคัน

ล็อคนี้ไว้จอดจักรยานอย่างเดียว

จัดแจงหาเดินหาที่นั่ง และนอนเล่นกัน

ฟาอิซมอง พี่หมามาอ้อนป้าเมย์

เรานอนพักเอาแรงก่อน

พอมีเสียงประกาศว่าเดี๋ยวเราจะจอดแพให้เล่นน้ำ ชุดพร้อมเลยครับ

ขลุกอยู่แต่กับพี่หมาป้าเมย์นี่แหละ

ระหว่างแพล่องไปหาที่จอดให้เล่นน้ำ แช่ขาไปพลางๆ ก่อน

ระหว่างที่แพกำลังลาก มีแตงโมมาเสริมพลังงานที่ขาดหายไป และมีการจับรางวัลที่ได้มาจากสปอนเซ่อร์ ฟาอิซเป็นคนจับรางวัลให้กับทุกคน และได้รางวัลปลอบใจเป็น “ป้องแดด” ฟาอิซเรียกอย่างนี้ จริงแล้วมันคือ ปลอกแขนกันแดด

ฟาอิซนั่งจับรายชื่อแจกรางวัล

ต้องปลอบใจกันหน่อย จับให้คนอื่นจนของหมด ตาเริ่มจะแดง

ได้รางวัลปลอบใจ

แกะกล่องใส่ป้องแดด

ใส่โชว์สปอนเซอร์

ถึงจุดที่เล่นน้ำปลอดภัย เสียงตามสายประกาศว่าใครที่จะเล่นน้ำจะต้องใส่เสื้อชูชีพทุกคน เพื่อความปลอดภัย ป๋าโดดลงไปแล้วให้อาเยาะห์ต่วนหย่อนน้องลงมา เล่นน้ำกันได้ซักพัก อาการตะคริวกลับมาเยือนเพราะน้ำในเขื่อนเย็นมาก ป๋าเห็นท่าจะไม่ดีรีบส่งน้องขึ้นแพก่อนที่ป๋าจะตามขึ้นไป ตัดสินใจอาบน้ำบนแพนี่แหละดีกว่า อาเยาะห์ต่วนเลยไม่กล้าลง ส่วนคนอื่นที่อยากเล่นน้ำก็กระโดดลงน้ำกันอย่างสนุกสนาน คนไหนที่ไม่เล่นก็ใช้วิธีตักน้ำมาอาบบนแพเหมือนพวกเรา

แพจอดให้เล่นน้ำ

ว่ายแข่งกันไปหาตอไม้

นั่งพักแบบสุดชิลล์ ดื่มด่ำบรรยากาศ

อาบน้ำกันบนแพ

แสงยามเย็นวันแรก ในเขื่อนบางลาง

หอมปากหอมคอในการเล่นน้ำ ความมืดก็มาเยือน แพยังไม่ขยับไปไหน เพราะเราจะกินมื้อค่ำกันตรงจุดนี้ ช่วงค่ำนี้ป๋าไม่จับกล้องขึ้นมาเก็บภาพ เพราะป๋าต้องการกินอย่างเดียว มื้อค่ำของเราใช้วิธีนั่งล้อมวง ปูหนังสือพิมพ์ วางสำรับกับข้าวกัน เพราะที่กินคือที่นอนของพวกเรานั่นเอง กับข้าวมีหลายอย่าง ผักลวก (หัวปลี ผักกูด จำได้สองอย่างเพราะป๋าชอบ) ปลาทอดกรอบ ปลานึ่ง ยำกะทิเห็ด ซุปเป็ด มื้อนี้ฟาอืซกินไม่ค่อยเยอะ ส่วนป๋าฟาดไปสามจาน

วงข้าวของเรา

หลังอาหารมื้อค่ำ ก็แยกย้ายกันตั้งกลุ่มพูดคุย

แยกย้ายกันนอน คืนนี้ไม่ได้กางเต็นท์

อิ่มมื้อค่ำเรียบร้อยกันทุกคน วงไหนชอบอะไรก็มีกิจกรรมนั้นไป ต้มกาแฟสดกิน ดื่มกันเล็กน้อย เสวนาทำความรู้จัก เอนหลังพักเอาแรง

ส่วนเราสองคนเลือกเอนหลังพักเอาแรง แล้วก็หลับไปเลย

มีต่อ เยือนเมืองในหมอก (2)







ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้